GPSพาหลอน!!..หลงทางย่านบางนา
แจงไม่เคยเดินทางมาแถวนี้มาก่อน เธอตั้งใจจะไปเยี่ยมเพื่อนชื่อพิศที่กำลังป่วยนอนซมอยู่ที่บ้านมาหลายวัน และมีของฝากของเยี่ยมจากเพื่อนร่วมงานฝากมาด้วยอีกเป็นตะกร้า จริงๆ แล้วบ้านแจงไม่ได้ใกล้ที่สุด แต่เนื่องจากวันนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ ทั้งแผนกมีแจงว่างอยู่คนเดียว คนอื่นต้องเข้าไปเร่งงานด่วนที่ออฟฟิศกันหมด
บ้านของพิศอยู่ไกลจากตัวเมือง อยู่ในเขตบางนา เข้าไปในซอยรามฯ 2 หลังวัดทุ่งเศรษฐีไปอีกหลายกิโลเมตร ด้วยความขี้เกียจของแจง มีข้ออ้างหลายอย่างทั้งเหนื่อย ทั้งอากาศร้อน แถมยังมีซีรีส์เกาหลีที่ดูค้างไว้อีกสองตอน ก็เลยผัดเวลาไปจนเย็นย่ำจึงได้ออกจากบ้าน โดยก่อนไปก็โทร.ถามพิศแล้วว่าบ้านอยู่ตรงไหน มีอะไรเด่นๆ เป็นจุดสังเกตบ้าง พิศก็ตอบว่ามาง่าย มาตามถนนตรงๆ แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยแค่ครั้งเดียว จะเป็นซอยคดเคี้ยวไปมา ข้ามสะพานบ้างเลาะคลองบ้างเข้ามาราวแปดกิโลเมตร จะเจอต้นมะม่วงใหญ่อยู่ข้างประตูสีฟ้า มีป้ายนามสกุลแขวนหน้าบ้าน โดดเด่นชัดเจน
แจงวางสายไปแล้วถอนหายใจเซ็งๆ ถ้าสนิทกันเธอคงกล้าบอกไปแล้วว่าสิ่งที่พิศพูดนั้นแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยโดยเฉพาะเมื่อเธอขับมาในเวลาเย็นย่ำใกล้ค่ำแบบนี้ด้วยแล้ว
แจงสายตาไม่ค่อยดี ทำให้พอแสงน้อยเธอก็มองอะไรไม่ค่อยชัด อย่าว่าแต่ต้นมะม่วงเลย ป้ายบอกทางตัวโตๆ ยังอ่านไม่ออกแล้วเลย อาศัยความเคยชินตามเส้นทางที่ใช้ประจำก็แค่พอจะเอาตัวรอดได้เท่านั้น
หญิงสาวจำใจขับรถไปตามถนนสายบางนา-ตราด เลี้ยวเข้าบางนา ก.ม.แปด ซึ่งเป็นทางไปวัดทุ่งเศรษฐี ระหว่างทางก็นึกบ่นด่าตัวเองในใจมาตลอดทาง ที่มัวแต่เอ้อระเหยไม่ยอมรีบมาเสียตั้งแต่วันๆ ตอนที่ยังมีแสงสว่าง ด่าตัวเองไปมองซ้ายมองขวาไป ย่านนี้แม้จะเจริญขึ้นมากแล้ว แต่เส้นทางบางช่วงก็ยังมืดมากและเปลี่ยว ค่อนข้างน่ากลัว จะแวะถามร้านถามคนข้างทางก็แทบไม่มีใครเลย
ขับไปก็เริ่มใจคอไม่ค่อยดี เจอร้านขายจิ้มจุ่มก็จอดหน้าร้านเขาแล้วลงแวะถามดูว่าทางไปวัดทุ่งเศรษฐีไปทางไหน คนขายเห็นท่าทางว่ามาแค่ถามทางไม่ได้มาเป็นลูกค้าก็ชักสีหน้าไม่พอใจ ชี้ไปส่งๆ แล้วก็บอกว่า หาไม่เจอก็เปิดจีพีเอสสิ
แจงเลยต้องกลับขึ้นรถ ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ แล้วยอมเปิดจีพีเอสทั้งที่ไม่อยากเปิดเลย
ที่ไม่ยอมเปิดแต่แรกเพราะแจงมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีกับจีพีเอส คือมันจะพาไปทางที่ลัดและสะดวกก็จริง แต่มันไม่สนใจหรอกว่าเราขับรถอะไรมา และถนนที่มันนำไปนั่นไปได้ไหม แจงเคยขับตามจีพีเอสไปติดอยู่บนสะพานแคบๆ ที่แค่พอให้มอเตอร์ไซค์วิ่งได้ แต่รถเธอเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่เลยผ่านไม่ได้ ติดแหง็กอยู่อย่างนั้นจนกู้ภัยมาช่วย สร้างความอับอายขายหน้าให้แจงเป็นอย่างมาก
วันนี้ต้องมาใช้อีกแล้ว แจงส่ายหน้า แต่ก็ยอมขับไปตามทางที่แอพฯบอกมา ตรงไปห้าร้อยเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าซอยอะไรต่ออะไร เธอมองดูเส้นเข้มๆ ในแผนที่แล้วก็ต้องเซ็งอีกที เมื่อเห็นว่าทางที่ต้องไปนั้นยังยาวเหยียด แถมยังมีการเลี้ยวยิบเลี้ยวย่อยอีกมากมายด้วย
บรรยากาศโดยรอบนั้นค่อยๆ มืดสนิทลงเรื่อยๆ สายตาของแจงก็เริ่มเบลอๆ พร่าๆ จีพีเอสพาเธอขับตามเข้าไปในซอยที่ลึกและเปลี่ยวขึ้นทุกที จากทางลาดยาง กลายเป็นทางปูน ที่เก่าซอมซ่อลงเรื่อยๆ ในขณะที่สองข้างทางมีบ้านคนห่างออกไปทุกที มีแต่ป่าหญ้าและดงสูงรกทึบ อากาศก็เย็นยะเยือกจนหนาวทั้งที่เป็นหน้าร้อน
แจงเริ่มได้กลิ่นเหม็นแปลกๆ และเดาว่าน่าจะมาจากด้านนอก กลิ่นคงแรงมากจนแอร์ดูดกลิ่นเข้ามาในรถ มันเหม็นอับๆ คาวๆ เหมือนปลาเน่าปลาตายในหนองน้ำ หญิงสาวพะอืดพะอมจนเกือบจะขย้อนอาเจียนออกมาแล้ว เลยตัดสินใจเอื้อมมือไปปิดแอร์ ในขณะที่จีพีเอสยังคงย้ำให้ตรงไปอีกราวสองกิโลเมตร
เป็นสองกิโลเมตรที่แสนยาวนาน ทั้งที่ไม่มีรถสวนหรือตามเลยสักคัน ถนนมืดสนิทไม่มีไฟทางและทางกลายเป็นถนนลูกรังไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แจงเริ่มหวาดกลัวจนขนลุกทั้งตัว อากาศในรถยังคงหนาวจัดและเธอก็ไม่กล้าเปิดกระจก ตายังมองจีพีเอสในมือถือเรื่อยๆ เสียงพูดขาดหายไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะดังขึ้นอีกครั้งว่า อีกสองร้อยเมตรถึงหมู่บ้านบึงหลวง ซึ่งทำเอาแจงงงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน
สักพักก็ขับผ่านบ้านคนแต่ทว่าเป็นบ้านที่มีสภาพรกร้าง ผ่านบึงรกร้างชิดริมถนน บ้านร้างปรากฏเป็นระยะห่างๆ กัน ไม่มีแสงไฟ ไม่มีคน ที่สำคัญกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งตลบอบอวล แจงกลัวจนร้องไห้ออกมา แต่จะหยุดขับกลับรถก็ไม่ได้เพราะทางแคบและมีแต่บึง
แต่ในที่สุดก็เห็นแสงสว่างแวบๆ อยู่ที่ปลายทาง เธอรีบขับเข้าไปหา ปรากฏว่าเป็นวัดที่กำลังเผาศพคนบนกองฟืนแบบเก่า ทุกคนหันหน้ามามองรถแจงด้วยดวงตาว่างเปล่าเลื่อนลอย แจงตกใจหวีดร้องและหมดสติไป
ตื่นมาอีกครั้งรถจอดอยู่หน้าวัดทุ่งเศรษฐีได้ยังไงก็ไม่รู้ เธอรีบขับเข้าไปจอดที่เซเว่นฯที่ใกล้ ที่สุด แล้วโทร.หาแฟนให้รีบมารับ โทร.ไปร้องไห้ไป และหลังจากนั้นเธอก็ไม่กล้าขับรถกลางคืนโดยใช้จีพีเอสนำอีกเลย
ที่มา : คอลัมน์ หลอน / นทธี ศศิวิมล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น