ขออภัยที่ผมอาจจะอธิบายวกไปวนมา ผมอธิบายเป็นตัวหนังสือไม่ค่อยเก่งนะ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 9 - 13 ที่ผ่านมา ผมได้วางแผนกันไปเที่ยวทะเล มีไปกันทั้งหมด 11 คน เป็นญาติพี่น้องกัน เป็นพวก ป้าๆ น้าๆ 3 คน ที่เหลือก็พวกวัยรุ่นน้องๆพี่ๆ และก็แฟนผมอีกคน
ขอตัดมาเข้าเรื่องเลยละกัน วันที่ 9 - 11 เรานอนที่ระยอง สบายราบรื่น แต่เรื่องราวทั้งหมดเกิดหลังจากคืนนี้ (11 พ.ค) พวกเราวางแผนว่าจะไปนอนที่ชลบุรีในคืนวันที่ 12 เพื่อนพี่ผมเสนอว่าเราไปนอนกันในค่ายทหารดีไหม น้ำใส คนไม่เยอะ มีพายเรือด้วย พี่เค้ามีเพื่อนอยู่ในนั้นด้วย จากนั้นพวกผมจึงตกลงกัน ส่วนพวกผู้ใหญ่ น้าๆ ป้าๆ ก็ต้องโอเคไปตามๆกัน
เพื่อนพี่ผมจึงหาข้อมูลในเน็ตแล้วโทรไป สายแรกโทรไปติดเจ้าหน้าที่รับ บอกว่าห้องพักเต็มหมดแล้ว ไม่มีแล้วครับ ก็คุยกันสักพักก็สรุปว่าเต็มแล้วจริงๆ จากนั้นเพื่อนพี่ก็โทรไปหาเพื่อนเค้าที่อยู่ในค่าย ก็ได้เบอร์โทรมาเบอร์นึง เค้าบอกให้ติดต่อเบอร์นี้ดู
จากนั้นก็โทรมาเบอร์ที่สอง ปรากฏว่ามีคนรับ สอบถามเค้าบอกว่า อ๋อ..มีครับ มากันกี่คน ก็บอกไปว่าประมาน 11 คน มากันเป็นครอบครัว เจ้าหน้าที่เค้าก็บอก โอเคครับมีบ้านพักอยู่หลังนึง มี สามห้อง น่าจะโอเคเลย จากนั้นก็ให้รายละเอียดกันไว้
วันที่ 12 เวลาประมาน 4โมงเย็น พวกผมเข้าไปถึงสัตหีบ ทหารที่เฝ้าตรงประตูก็บอกว่าเต็มหมดแล้ว เราก็ให้เค้าคุยกับพี่ทหารที่ติดต่อกันไว้ก็เคลีย์กันไปและเข้าไปที่พักได้ วนหาที่พักกันข้างในนั้นประมาน 30นาที ถึงจะเจอกองอำนวยการที่พี่เค้าอยู่ ลักษณะจะเป็นเรือนไม้ใหญ่ๆทั้งหลัง บริเวนนั้นจะเป็นบ้านหลังเล็กๆที่ให้เช่า พวกเราก็ยิ้มสิที่พักแบบนี้แหละที่ต้องการ ก็เดินเข้าไปถามว่าที่ติดต่อกันไว้ทางโทรศัพท์ เค้าบอก อ๋ออ...มาแล้ว หลังขวามือนี้เลยน้อง แล้วก็ชี้มือไป พวกที่นั้งกันในรถอีก 11 คน (รวมคนขับรถ) หันไปมองที่บ้านหลังนั้นละหน้าซีดกันเป็นแถบ เพราะมันคือหลังเดียวกันกับที่กองอำนวยการนี้แหละ แต่เป็นคนละฝั่งกัน ด้านหน้าบ้านมีต้นไทรต้นใหญ่ๆพร้อม (มาคุยกันทีหลังตอนกลับมาที่บ้าน ในใจตอนนั้นแต่ละคนรู้เลยว่านี้มันสเป็คบ้านในหนังผีชัดๆ)
หลังจากรถจอดพวกเราก็ขนของไปวางหน้าบันไดทางขึ้น เพื่อนพี่ ซึ่งเป็นคนที่ผมยอมรับเลยว่าจิตแกแข็งมาก และแกก็เซียนเหมือนกันในเรื่องชวนขนหัวลุก พี่แกเดินขึ้นไปคนเดียวและเอากุญแจทั้งสามไปไล่เปิดทีละห้องและสำรวจดู คนที่เหลือยืนอยู่หน้าบันไดและก็ได้แต่มองขึ้นไป ผ่านไปประมาน 5 นาที พี่แกเดินมาที่ระเบียงตะโกนบอกมาว่า ขึ้นมาเลย ห้องสะอาดเรียบร้อยแล้ว
พวกที่เหลือก็ช่วยกันแบกของขึ้นไป สภาพภายในห้องที่ตาผมมองเห็นและสมองได้วิเคราะห์ ลักษณะกำแพงห้องจะเก่าๆ มุ้งลวดมีฝุ่นมากกกก เตียง ผ้าห่ม สะอาดใช้ได้ทีเดียว ห้องน้ำถือว่าสะอาดมากๆ เหมือนทำมาใหม่ๆเลย แอร์ก็ถือว่ายังเย็นเฉียบ แต่..... ตรงหน้าต่างปิดไม่ได้ ซึ้งได้ฉากเป็นต้นไทรพอดิบพอดี ในตอนนั้นผมคิดในใจว่าคืนนี้คงไม่ปกติ แต่ก็คิดไรไม่ได้มากก็มีเเสียงเรียกให้ลงไปที่รถ เพราะกำลังจะไปที่หาดนางรำ ไปเล่นน้ำ พายเรือกัน
พอไปถึงหาด พวกสาวๆก็ไปเล่นน้ำ ถ่ายรูป ส่วนพายเรือ อด ครับ เพราะหลังจาก 5 โมงเย็นเค้าจะให้ขึ้นหาดแล้ว ทหารจะเดินมาเรียกให้ขึ้นหมดเลย ซึ่งหาดนางรำ หลายๆคนคงรู้กิตติมศักดิ์กันดีแล้วว่าน่ากลัวขนาดไหน ลองไปค้นหาข้อมูลดูนะครับ
หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จแล้วก็กลับมาที่ห้องพัก อาบน้ำ กินข้าว กลับเข้ามาที่บ้านพัก ตกใจครับท่าน มีคณะอาจารย์และนักศึกษาจากไหนไม่รู้ครับ มาพักบ้านเดียวกับพวกผม แต่อยู่ฝั่งทางกองอำนวยการ ห่างกันประมาน 20 เมตร คณะที่แกเปิดเพลงร้องคาราโอเกะดังสนั่นเลยครับ พวกผมคุยกันว่าขอให้เค้าเบาลงตอน 4 ทุ่มละเค้าก็โอเค
จากนั้นไฮไลต์มันอยู่หลังจากนี้แหละครับ เกริ่นมานานเข้าเรื่องที่สุดก็ตรงนี้แหละ ขออธิบายก่อนว่า ห้องที่ผมนอนมี 6 คน อีกห้อง 4 คน ห้องเล็กคนขับรถนอนคนเดียว
เพื่อนพี่ผมดันเล่าเรื่องผีครับ เกี่ยวกับเกาะนางรำที่ไปกันมาตอนเย็นนั้นแหละ น้าผมก็ทักแล้วหละอย่าเล่า นอนได้แล้ว แต่พวกน้องๆครับมันอยากฟัง รวมทั้งผมด้วย แต่...แฟนผม โคตรเป็นคนกลัวผีครับ นอนฟังนี่แทบจะเอาผ้าห่มมาพันตัวอยู่ละ เล่าไปกันประมาน 1 ชั่วโมง เริ่มง่วงเลยจะปิดไฟนอนกัน และก็เป็นผมที่เป็นคนต้องเดินไปปิดไฟ เตียงที่ผมนอนก็ดันตรงกับประตู ผมก็พอรู้นะว่าตรงประตูแล้วมันจะเป็นยังไง แต่ก็ไม่อยากทักกลัวจะแย่ไปกว่านี้ ก็รีบสวดมนต์กันทั้งห้องและรีบนอน
แต๊กก... เสียงปิดไฟ ผมรีบเดินมามาที่เตียง ห้องมืดสนิทแต่ก็ยังคุยกันอยู่ มันมืดไปไหม แฟนผมบอกเสนอว่าเปิดไฟนอนดีป่าว บางคนก็บอกเปิด บางคนบอกปิด สุดท้ายคุยกันไปคุยกันมามีเสียงเคาะประตูมา 1 ทีดังๆ ....... ตกใจสิครับท่าน ใครว่ะมาเคาะ 6 มนุษย์ในห้องนั้นเงีบบกริบ กระซิบกันเบาๆว่านอนเหอะๆ ไม่มีไร แต่แฟนผมสิครับ กลัวจนถึงขั้นจะเป็นบ้าแล้ว บีบแขนผมแน่นเลย บอกให้เปิดไฟเถอะ ผมก็บอกว่าแสงมันแยงตา นอนๆไปเถอะเดี่ยวก็เช้า เสียงเพลงจากบ้านข้างๆก็เงียบไปแล้ว ตอนนี้โคตรอยากให้พวกนั้นมันร้องเพลงกันต่อ จะได้ไม่เงียบเกินไป จากนั้นผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่แฟนผมหลับไม่หลับไม่รู้ หลับๆตื่นๆ
จากนั้นเวลาประมานตี 1 แฟนผมสะกิดผมและบอกว่าหมาหอน ผมก็งงสิหอนตอนไหนไม่เห็นได้ยิน(หลับอยู่นิหว่า) สักแปปได้ยินเสียงเหมือนคนพูด แต่ฟังไม่ออกว่าพูดอะไร ผมก็สงสัยแต่ยังไม่ติดใจ ผมพยายามจะนอนต่อ แต่แฟนผมบีบแขน ดึงผ้าห่มไปหมด ผมก็กลัวนะครับ ผมก็บอกแบ่งหน่อยดิกลัวเหมือนกัน ทั้งหนาวทั้งกลัว สักพักละครับได้ยินเสียงเดินแบบลากเท้า 3 ครั้ง ท่านลองนึกสภาพบ้านไม้ ถ้าเวลาคนเดินปกติ มันจะเสียง ตึกๆๆๆๆ เป็นจังหวะตอนเดิน แต่นี่มันเป็นเสียงแบบเอาเท้าค่อยๆถูไปกับพื้น ลองทำดูครับจะรู้ว่าถ้าได้ยินตอนกลางคืนในบ้านไม้ที่เราไม่รู้จักมันจะเป็นยังไง เสียงนั้นเหมือนกับว่ามันหยุดตรงหน้าประตู แถวๆตู้เย็นหน้าห้อง (ตู้เย็นอยู่ติดกับทีวีนอกห้อง เดียวมีภาพประกอบ) ผมรู้เลยว่าแฟนผมกลัวถึงขั้นฉี่จะแตกแน่นอน ขนาดผมยังไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่เพราะเคยเจอแบบจะๆเหมือนกันยังเล่นเอาซีดเลย หลังจากเสียงนั้นหายไปผมบอกแฟนให้รีบหลับเลยไม่ต้องไปสนใจ และผมก็เผลอหลับไป แต่แฟนผมๆก็ไม่รู้ว่าหลับไม่หลับ จากนั้นประมาน ตี 3 แฟนผมบอกไม่ไหวแล้วเปิดไฟนอนเถอะ ผมก็บอกห๊ะยังไม่นอนอีกเหรอ สักพักผมสะดุ้งตาเหลือบไปทางซ้ายเห็นเงาตะคุ่มๆตกใจสิครับ แต่แพ่งตามองดีๆมันคือเท้าน้าผมครับ แกนอนแบบว่าห่มผ้าแล้วนอนเอาขาไขว่ห้างกันมันเลยเป็นเงาคล้ายๆคนนั้งที่เตียง และแล้วแฟนก็บอกหิวน้ำ ผมนี่ซีดเลยครับ ตู้เย็นอยู่ข้างนอก ต้องเดินออกจากประตูมองไปทางซ้ายจะเจอตู้เย็น ซึ่งฉากหลังเป็นต้นไทรเจ้าเดิม ( นิดนึงนะครับ ก่อนออกก็ยังกลัวๆนิดๆเพราะข้างนอกจะมีโต๊ะชุดเอาไว้นั้งดูทีวี ที่ผมกลัวคือ กลัวเปิดไปละเจอนั้งกันเป็นทีมที่โต๊ะชุดนั้นแหละ )
ผมค่อยๆเปิดกลอนประตูออกไป ก้มหน้าต่ำๆมองไปที่ตู้เย็นและรีบหยิบน้ำออกมาและกลับไปปิดประตูล๊อคห้องให้ไว จากนั้นก็เอาน้ำไปให้แฟน ผมก็คุยว่าเปิดไฟก็ได้ แต่เป็นไฟฉายนะเดี่ยวเอามาตั้งไว้ให้ เดี่ยวเอาโทรศัพท์มาเปิดเพลงนอนฟังเลยละกัน ก็ไปหยิบของมาทำตามที่พูด....แฟนผมมันบอกสวรรค์ นี้ละการูจะได้นอนสักที ท่าทางแฟนผมมันเปลี่ยนไปอย่างโคตรรวดเร็ว นอนหลับภายในไม่ถึง 3 นาที ผมก็นอนฟังเพลง คิดไรไปเรื่อยเปื่อย แสงจากไฟฉายมันพอส่องให้เห็นทั่วห้อง ผมก็หลับตามๆไป
จากนั้นอีกประมาน 1 ชั่วโมงนิดๆ ผมสะดุ้งตื่น รอบนี่พิเศษเลย สะดุ้งตื่นคนเดียวเพราะได้ยินเสียง แกร๊กๆ ๆๆ ๆ เคาะเป็นจังหวะๆ แต่ผมสังเกตุเห็นว่าน้าผมก็ได้ยินเหมือนกัน แกยังกระซิบถามผมเลยว่าได้ยินรึเปล่า ผมบอกได้ยินเหมือนกัน ตกลงมันเสียงไร แต่น้าผมแกไม่สนใจครับ แกหลับต่อเฉย แต่ผมมันเป็นคนขี้สงสัยครับ ตอนนั้นก็หายง่วงเลย ผมจึงใจดีสู้เสือเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพม์มาอัดเสียงแมร่งเลย แกร๊กๆๆดังดีนัก จากนั้นก็เผลอหลับไปถึงเช้า ตอนเช้าก็นั้งคุยกันว่าใครเจอไรบ้าง แต่ผมยังไม่เล่าตอนนั้น
พอออกจากที่พักถึงจะเล่าในรถให้ฟัง เพื่อนพี่ผมจึงโทรไปถามเพื่อนเค้าที่อยู่ในค่ายว่าบ้านหลังนี่มีสตอรี่ บอร์ด อะไรมาบ้าง เค้าก็บอกว่าบ้านหลังนี่ปกติจะไม่เปิดให้พัก แล้วก็หัวเราะ เหอะๆๆ..(แสดงว่าเค้าเป็นเราไม่ปกติรึไงฟ่ะ) แล้วตอนเข้ามาได้ไหว้ศาลรึเปล่า เราก็คุยกันศาลไหน มองไม่เห็นนะ แต่พวกน้าๆป้าๆ อีกห้องแกเห็นและแกก็ไหว้เรียบร้อย แต่ห้องผมนี่ไม่มีใครเห็นสักคน พี่คนขับรถที่ว่าแน่ๆแกออกทัวร์ไปหลายที่ แกมาเจอหลังนี่แกก็กลัวเหมือนกัน แกบอกว่าแกก็ได้ยินเสียงคนเดินนะ ตอนนอนเตียงก็โคตรใหญ่ นอนคนเดียว แกต้องตอนขวางเตียงไว้ เพราะกลัวมีคนมานอนเป็นเพื่อน อมยิ้ม11 จากนั้นก็เล่ากันจนกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน
ขอบคุณที่อ่านจนจบ มีประสบการณ์แบบเจอจะๆเป็นๆ ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกครับ
เพื่อนของเพื่อนพี่ที่อยู่ในค่ายได้ไปสอบถามทหารที่ประจำอยู่จุดนั้น ได้ให้ข้อมูลว่า.... บริเวณนี้เมื่อก่อนเค้าเรียกว่าหาดนางไทร และก็ได้มีการปรับปรุงสร้างบ้านเรือนทับลงไป ปกติพวกทหารก็ไม่ได้พักกันสักคนในบ้านหลังนี้ เพราะว่าเจ้าที่แรงมาก จะอยู่กันแค่ด้านล่างตอนเวลาราชการที่เป็นจุดติดต่อประสานงาน และก็เข้าห้องน้ำข้างๆส่วนเวลานอน จะไปนอนที่บ้านพักอีกหลังซึ่งอยู่ด้านหลัง
และเค้าก็บอกว่าตรงต้นไทรจะมีศาลเล็กๆอยู่ (อันนี้ผมมองไม่เห็นนะ แต่สอบถามคนอื่นๆบางคนบอกเหมือนจะเห็นแต่ไม่แน่ใจ) ส่วนอีกฟากของบ้านที่เป็นคณะอาจารย์และนศ. อันนี้ผมก็อยากรู้ว่าเค้าจะเจอรึไม่เจอไม่รู้นะ แต่ในความคิดผม เสียงลากเท้า 3 ครั้ง เจ้าของที่เค้าคงจะมาสำรวจ หรือว่ามาให้ได้ยิน เหตุก็อาจจะเป็นเพราะนั้งเล่าเรื่องผี เหมือนอยากลองดีกับเค้ารึเปล่าไม่ทราบ โชคดีที่ไม่เห็น
ขอขอบคุณ : https://pantip.com/topic/32059579
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น