ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องค่ายลูกเสือ - คุณหมี ทั้งภาค 1-2 สุดยอดความหลอนจากTHE SHOCK


เรื่องค่ายลูกเสือ - คุณหมี ทั้งภาค 1-2 สุดยอดความหลอนจากTHE SHOCK

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ค่ายลูกเสือแห่งหนึ่งที่จังหวัดระยอง ซึ่งในช่วงกลางวันของวันที่คุณหมีเล่านั้นคุณหมีได้ไปย้อนรอยที่ค่ายลูกเสือแห่งนี้ในช่วงกลางวันมา เรื่องนี้ย้อนไปนานพอสมควรคุณหมีก็จำไม่ได้แน่นอนว่าในช่วงของปีไหน เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าคุณหมีนั้นได้รู้จักกับท่านอาจารย์หลายๆท่านด้วยนิสัยของคุณหมีเองนั้นเป็นคนที่อัธยาศัยดีและสามารถที่จะเข้ากับเด็กๆได้ดี และก็เป็นเป็นเก่าของโรงเรียนนี้ด้วย อาจารย์ก็มาถามคุณหมีว่า ช่วงประมาณสิ้นเดือนธันวา ว่างมั๊ย คุณหมีก็บอกว่าว่าง อาจารย์ก็บอกว่า เดี๋ยวช่วงสิ้นเดือนธันวาเนี่ยทางโรงเรียนจะจัดเด็กไปเข้าค่ายกัน หมีช่วยมาคุมหน่อย คุณหมีก็บอกว่าโอเค แต่ขอมีเพื่อนไปด้วยซัก 2-3 คน คุณหมีก็ถามอาจารย์ต่ออีกว่า อาจารย์ครับ สถานที่จะเข้าค่ายนี่ที่ไหน อาจารย์ก็บอกว่าที่ค่ายลูกเสือแห่งนี้  คุณหมีก็เลยไป survey กันก่อน พอไปถึงก็จะเป็นภูเขาลูกนึงแล้วมีสถานที่เข้าค่ายลูกเสืออยู่บริเวณตีนเขา แต่ระยะที่ต้องเข้าไปเนี่ยประมาณ 11 กิโล พอมองไปรอบๆก็เห็นเป็นความสวยปนกับความวังเวง อาจจะเป็นเพราะว่าอาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ในป่าเขาทำให้ไม่ค่อยคุ้นชินซักเท่าไร

ทีนี้พอถึงวันที่เข้าค่ายคุณหมีก็ได้ไปร่วม วันแรกก็จะมีการรับน้อง ทาสี ลอดซุ้มประตูอะไรก็ว่าไปต่างๆนาๆ แต่ก็ไปสะดุดอยู่อย่างนึง ก็คือบ้านพักของอาจารย์เนี่ยมันค่อนข้างที่จะเก่า คุณหมีก็ถามอาจารย์ว่า ตอนที่อาจารย์ติดต่อมาที่นี่ เขาไม่มีการทำความสะอาดมาให้เลยหรือไง อาจารย์ก็บอกว่า ไม่นะ ช่วงที่อาจารย์เข้ามาอาจารย์ก็มาทำความสะอาดกันเอง จนกระทั่งถึงช่วงประมาณทุ่มสองทุ่ม ก็จะมีการออกเดินป่าตอนกลางคืน ก็จะเดินไปซุ้มนู้น ซุ้มนี้ เดินสะพานเชือก และจะมีเด็กอยู่กลุ่มนึงเป็นกลุ่มหมาป่า กลุ่มนี้จะอยู่กลุ่มรั้งท้ายสุด คุณหมีก็มีหน้าที่ไปปิดท้ายไว้ เพื่อไม่ให้เด็กหลง ในระหว่างทางนั้นก็จะมีเชือกเส้นนึงโยงตั้งแต่เชิงเขาเข้าไปในป่า แต่ระยะไม่ไกลมาก ระยะทางประมาณ 500 เมตรถึง 600 เมตร ในแต่ละจุดก็จะมีผู้ฝึกสอนและอาจารย์เฝ้าอยู่ในแต่ละจุด เด็กๆก็เดินเข้าไปเรื่อยๆ ลักษณะการเดินของเด็กเนี่ย ลักษณะการเดินของเด็กนั้นก็คือเอาผ้าพันคอพันปิดตาไว้ แล้วก็ปล่อยให้เด็กเดินคลำเชือกไปแล้วก็จะไปเข้าบ้านฤาษี เข้าบ้านผีสิง เด็กก็ร้องโวยวายตามประสาเด็ก ทีนี้ด้วยความที่คุณหมีชอบโวยวายอยู่แล้ว พอเวลาที่เจออะไรสนุกๆ  คุณหมีก็จะเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ยิ่งเด็กร้องคุณหมีก็ยิ่งแหย่เพิ่มเข้าไปอีก ก็แกล้งทำเป็นเสียงผี เสียงคนแก่ เด็กก็ยิ่งร้องเข้าไปใหญ่ จนกระทั่งเด็กเขากลัวไม่กล้าที่จะเดินไปต่อแล้ว ก็เลยต้องเลิกกองเร็ว อาจารย์ก็บ่นคุณหมีนิดหน่อย ประมาณว่า โหหห หมีแกล้งเด็กจนฉี่ราดเลยนะเนี่ย กิจกรรมในคืนแรกค่อนข้างที่จะเลิกเร็วหน่อยประมาณ 2 ทุ่ม ในคืนแรกก็แยกย้ายกันเข้านอน เต้นท์ผู้ชายก็แยกเป็นเต้นท์ผู้ชาย เต้นผู้หญิงก็จะแยกเป็นของผู้หญิงจะไม่รวมกัน ในคืนแรกเด็กที่เข้าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยหลับกันซักเท่าไร ด้วยความที่ตื่นเต้น สนุกสนาน ได้นอนนอกบ้านครั้งแรก คุณหมีก็เดินตรวจ พอไปเจอเด็กกลุ่มไหนที่ยังไม่นอน คุณหมีก็เดินไปสะกิดๆ บอกให้นอนได้แล้วๆ ไม่งั้นเดี๋ยวผีหลอกหน่า คุณหมีก็จะโยงเข้าเรื่องผีตลอด จนตรวจเสร็จหมดทุกเต้นท์ ทุกกลุ่มแล้ว คุณหมีก็กลับมาที่บ้านพัก อาจารย์ส่วนหนึ่งก็เล่นไพ่กัน อีกส่วนหนึ่งก็นั่งคุยกัน อีกส่วนหนึ่งก็นั่งทำกิจกรรมอะไรของเขาไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็จะมีเด็กอยู่บางกลุ่มที่ยังไม่นอน

ตอนนั้นคุณหมีก็เห็นแต่ก็เฉยๆละ ไม่ได้ไปเตือนอะไร และตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่มก็มีเด็กคนนึง เขาเดินมาที่บ้านพักของอาจารย์ เดินหาคุณหมี แล้วพอมาเจอคุณหมีก็พูดว่า พี่ มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้อ่า เข้ามานอนในเต้นท์ผม คุณหมีก็ถามว่าเด็กกลุ่มอื่นหรือเปล่า น้องเขาก็บอกว่า ไม่ใช่นะพี่ คุณหมีก็เดินตามน้องคนนี้ไป พอไปถึงเต้นท์ก็ไม่มีอะไร คุณหมีก็บอกกับน้องไปว่าอย่าอำกันนะ เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ถ้ามีเรื่องอะไร จะดูแลกันไม่ทั่วถึง น้องคนนี้ก็บอกว่ามีคนมานอนในเต้นท์จริงๆนะครับพี่ เด็กในกลุ่มเขาก็ช่วยกันยืนยันว่ามีจริงๆ คุณหมีก็ถามไปว่าลักษณะเขาเป็นยังไง เด็กกลุ่มอื่นหรือเปล่า เด็กๆ เขาก็ตอบมาว่า ถ้าเป็นเด็กกลุ่มอื่น เวลาอยู่ในโรงเรียนยังไงก็ต้องเคยเห็นหน้ากันบ้าง แต่เด็กคนนี้ไม่เคยเห็นหน้า และก็ใส่ชุดเครื่องแบบลูกเสือเต็มตัว ถึงขึ้นที่ว่าใส่หมวกนอน ซึ่งผิดปกติมาก เพราะว่าในช่วงเวลานั้นเด็กๆ ก็จะใส่ชุดเป็นชุดลำลอง แล้วก็มีผ้าพันคอไว้เท่านั้น คุณหมีก็บอกกับเด็กๆไปว่าไม่มีอะไรหรอก  พวกเอ็งคิดมากันหรือเปล่า คุณหมีก็กลับมาบอกเรื่องนี้ให้อาจารย์ฟัง ตามเสต็ปครับ อาจารย์ก็บอกว่า เด็กมันคิดมากกันไปเอง หรือกว่าแกล้งกันเอง

พอรุ่งเช้าก็ทำกิจกรรมกันไปเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่คุณหมีคาใจ ก็เลยเดินเข้าไปที่เด็กกลุ่มนี้ เด็กกลุ่มนี้มีอยู่ประมาณ 6-7 คนก็กำลังคุยกันถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วคุณหมีฟังจากน้ำเสียงของเด็กๆเลยรู้สึกว่าเด็กมันไม่โกหกแน่ๆ คุณหมีก็เลยถามว่า เขามาเป็นแบบไหน เด็กคนนี้บอกว่าระหว่างที่เขานอนกันอยู่ เด็กคนนี้รูดซิปเต้นท์แล้วก็มุดเต้นเข้ามาเลย แถมยังดึงผ้าห่มของเด็กมาห่มอีก คุณหมีก็เลยถามอีกว่าลักษณะหน้าตาเป็นแบบไหน เด็กก็ตอบว่า ขาว และที่สำคัญคือตัวเปียกน้ำทั้งตัว คุณหมีก็ถามต่อว่า แล้วอยู่ดีๆ เขาหายไปได้ยังไง เด็กก็บอกว่า พวกผมไล่เขาไปครับพี่ แล้วเขาก็ออกไปเลย แต่ตอนนั้นคุณหมีก็ยังเฉยๆอยู่และรวบรวมข้อมูลอยู่ จนกระทั่ง เย็นของวันนั้น เด็กๆ ก็เตรียมตัวทำการแสดงรอบกองไฟ

พอช่วงประมาณซักทุ่มนึง อาจารย์ก็ไปจุดกองไฟแล้วก็เรียกเด็กทุกคนมาล้อมวงกัน เด็กๆ ที่จะทำการแสดงก็จะไปอยู่ที่จุดรอทำการแสดง เด็กที่ไม่ได้ทำการแสดงก็จะมานั่งล้อมวงนั่งรอบกองไฟกัน ก็ปรบมือ ร้องเพลงอะไรกันไป ส่วนคุณหมีนั้น ก็เดินสำรวจรอบๆ ดูสัตว์ป่า งู เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับเด็กๆ และหัวหน้าของเด็กในกลุ่ม 6-7 คนนั้น เดินมาบอกคุณหมีว่า พี่ๆ ครับ กลุ่มผมเพื่อนหายไป 2 คนคุณหมีก็ถามว่า หายไปไหนหละ ไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า เด็กก็บอกว่าเปล่า เด็ก 2 คนนั้นเขาบอกว่าเขาจะไปว่าว่ายน้ำเล่น คุณหมีก็ถามกลับไปว่าตอนนี้เนี่ยนะ เด็กก็บอกจริงๆ ครับพี่ พึ่งวิ่งไปดูมา คุณหมีก็ให้สัญญาณกับผู้ฝึกสอนให้หยุดทำการแสดงก่อน ให้วิ่งไปดูเด็กก่อน คุณหมีก็วิ่งไปคนแรกเลย ตรงนั้นจะเป็นบริเวณบึงน้ำ คุณหมีก็เห็นเด็ก 2 คนนั้นนั่งอยู่ริมบึงน้ำนั้น และนั่งคุยกันอยู่ คุณหมีก็ถามว่ามานั่งทำอะไรกันตรงนี้ รีบกลับไปเลย เดี๋ยวจะโดนทำโทษ ครูผุ้ฝึกสอนก็วิ่งตามมา 2 คนแล้วก็ดึงเด็ก 2 คนนี้กลับ แต่เด็ก 2 คนนี้มีอาการเหม่อลอยมาก เหมือนๆว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วก็กลับเข้ามานั่งที่กลุ่ม พอทำการแสดงไปเรื่อยๆ เด็กหัวหน้ากลุ่มก็มาเรียกพี่หมี บอกว่า พี่เขาไปอีกแล้ว

คุณหมีก็เลยวิ่งไปที่บึงน้ำต่อแต่ก็ไม่มีเด็ก 2 คนนั้นแล้ว เขาเดินหายไปไหนไม่รู้ คุณหมีตามไปไม่ทัน คุณหมีก็ถามหัวหน้ากลุ่มว่า เห็นเขาวิ่งไปทางไหนหรือเปล่า น้องหัวหน้ากลุ่มก็ตอบมาว่า เด็ก 2 คนนั้นนั่งรั้งท้ายกลุ่ม แล้วเด็ก 2 คนนี้บอกว่าเดี๋ยวมานะ มีเพื่อนเรียก หัวหน้ากลุ่มก็หันไปมองว่ามีใครเรียก และก็หัวมีเด็กคนนึงยืนอยู่ไกลๆเลย ใส่ชุดลูกเสือเต็มยศ มีหมวกมีไม้พลอง โบกมือเรียก 2 คนนั้น จนสุดท้ายคุณหมีก็หายังไงก็หาไม่เจอ

คืนนั้นก็หยุดการแสดงทั้งหมดเลย แล้วก็ให้เด็กไปรวมอยู่ในบ้านพักครู อาจารย์และผู้ฝึกสอนก็ออกตามหากัน  แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะโทรบอกผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคน ก็กะว่าให้รอซัก 2 ชั่วโมงก่อน ถ้าหาไม่เจอยังไงค่อยแจ้ง ค่อยเรียกคนภายนอกเข้ามาช่วย และตอนนั้นคนที่ตามหาก็มีไฟฉายคนละกระบอกออกตามหา แต่ความสว่างของไฟฉาย ที่ฉายในป่านั้นไม่พอ ทุกคนก็ต้องค่อยๆคลำไปหาไป เพื่อนคุณหมีก็ตะโกนเรียก ณ ช่วงเวลานั้นบรรยากาศมันกดดันมาก คุณหมีก็เลยให้อาจารย์ผู้ฝึกสอนขับรถกระบะเข้ามาด้านใน แล้วก็ส่องไฟให้มากที่สุด อาจารย์ทุกคนก็ช่วยกัน จน 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ก็ยังไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจที่จะโทรบอกผู้ปกครอง แต่ในช่วงที่กำลังจะโทรหาผู้ปกครองก็เจอเด็ก แต่ว่าเจอแค่คนเดียว เขาอยู่ที่ฐานมุดดิน เขาไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว

ระยะทางห่างจากสถานที่แสดงรอบกองไฟประมาณ 600 เมตร คุณหมีก็เลยคว้าน้องกลับมาพร้อมกับพูดว่า ไอน้องไปกับพี่ก่อน น้องเขาก็ร้องไห้งอแงตลอดทาง แล้วอาจารย์ส่วนหนึ่ง ก็ไปหาเด็กที่เหลืออีกคนนึงก่อน ส่วนอีกคนนึงที่คุณหมีจูงมือมาก็พากลับไปที่ห้องพักแล้วก็สอบถามว่าเรื่องเป็นมายังไง อาจารย์ก็รุมถามกัน พอถูกรุมถามด้วยความเป็นเด็ก เด็กมันก็ยิ่งกลัว คุณหมีก็เลยให้อาจารย์คนอื่นๆออกไปก่อน คุณหมีก็เลยถามเด็กอีกทีว่า ไหนลองเล่าให้พี่ฟังสิ มันยังไงเนี่ย ไม่มีใครว่าหรอก บอกพี่มาจะได้ช่วยได้ น้องเขาก็บอกว่า พี่เขาอ่ะ ชวนหนูไปเล่นน้ำ พอไปถึงฝั่งแล้วอ่ะ หนูไม่เล่น พี่เขาก็เลยชวนไปเล่นฐานอื่น ไปมุดดิน ไปเดินสะพานเชือก คุณหมีก็ถามต่อว่า แล้วน้องกล้าไปได้ยังไง น้องก็บอกว่า  หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าหนูอยากไปเล่นกับเขามาก คุณหมีก็เลยถามว่า อ้าวอีกคนนึงไปไหน น้องก็บอกว่า พี่คนนั้นเขาพาไปในป่าลึก คุณหมีก็ถามต่อว่าแล้วทำไมน้องไม่ตามไปด้วยหรือทำไมไม่ดึงเพื่อนกลับมา น้องก็บอกว่า ตอนที่เดินไปหนะ หนูกลัว หนูได้สติขึ้นมา หนูก็เลยวิ่งหนีกลับเข้ามา  ทีนี้อาจารย์ก็โทรแจ้งผู้ปกครองของเด็กอีกคนนึงแล้ว แจ้งตำรวจ อาสาสมัครชาวบ้านก็ช่วยกันลงแรงหาเด็กอีกคนนึงกันต่อ


จนถึงตี 2 ตี 3 ก็ยังไม่เจอ คุณหมีก็คิดในใจตอนนั้นเฟลมาก รู้สึกเรื่องใหญ่แน่ๆ อาจารย์ก็หน้าซีดกันทุกคน พ่อแม่เด็กนั้นพอมาถึงก็หาไปด้วย ด่าพวกอาจารย์ไปด้วย ก็ช่วยกันหาจนอาสาสมัครชาวบ้านแถวนั้น เขาพูดมาว่า ลองบนบานสานกล่าวยายดู อาจารย์ผู้ฝึกสอนก็ลองทำตามโดยที่ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ว่าแทนที่จะเจอ ก็ยังไม่เจออยู่ดี รอจนถึงเช้าประมาณ 6 โมงกว่า จากงานสนุกรื่นเริงจากการเข้าค่าย กลายเป็นกร่อยไปเลย มันไม่มีความหวังเลย จนสุดท้าย มีลุงอยู่คนนึงเขาขี่ 3 ล้อมา เขามาบอกในค่ายว่า หาเด็กกันอยู่ใช่มั๊ย อาจารย์ผู้ฝึกสอนก็บอกว่า ใช่ลุง ลุงก็บอกอยู่วัดเนี่ย ไปดู ทุกคนด้วยความดีใจกึ่งตกใจ ทุกคนก็ไปกัน คุณหมีก็นั่งซ้อนท้ายกระบะไป ก็เจอเด็กคนนี้ไปนั่งอยู่ในโบสถ์เก่าของวัดวัดหนึ่ง ระยะทางห่างจากตัวค่ายเป็นระยะทาง 6 กิโล

พอไปเจอเด็ก เด็กก็มีอาการนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในโบสถ์  วัดที่เด็กคนนี้ไปอยู่นั้นอายุประมาณ 70 ปีขึ้น เป็นวัดที่อยู่หลังเขา พอได้ตัวกลับมา พ่อแม่เด็กก็ดีใจ แต่ก็ยังไม่ทันที่จะได้ถามไถ่อะไรเลย พ่อแม่เด็กก็พาเด็กกลับไปก่อนเลย และก็ไม่ได้เอาเรื่องกับอาจารย์ หลังจากนั้นอีกประมาณเดือนสองเดือน พ่อแม่เด็กก็ให้เด็กย้ายโรงเรียน แต่ก่อนที่จะย้ายเนี่ย ใน 3 วันถัดมาจากการเลิกกอง ทุกคนก็มารวมแล้วก็คุยกันว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น อาจารย์ผู้ฝึกสอนที่เป็นครูสอนพละ เขาก็ได้คุยกับเด็กคนนี้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น  เด็กคนนี้ก็เล่าให้ฟังว่า มีพี่คนนึงชวนเขาไปเล่นน้ำเหมือนกับที่เด็กคนแรกบอก เขาก็บอกว่าเขาไม่เล่นเพราะมันหนาว พี่คนนี้ก็เลยชวนไปเล่นฐานอื่น พอไปจนถึงฐานนึงแล้วก็ลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆๆๆ เด็กคนแรกเกิดอาการกลัวก่อน แต่น้องคนนี้ก็เดินเข้าไปต่อ

ระหว่างที่เดินไป เดินไป ก็เริ่มเข้าไปลึกขึ้นๆเรื่อยๆ จนเด็กคนนี้ได้สติ แต่เหมือนกับว่าเข้ามาลึกแล้วอ่ะ จะให้เดินออกไปคนเดียวก็น่ากลัวกว่านี้ ก็เลยตัดสินใจอยู่กับรุ่นพี่คนนี้ดีกว่า ลักษณะของรุ่นพี่คนนี้ก็คือใส่ชุดเครื่องแบบลูกเสือเต็มตัวถือไม้พลองตลอดเวลา และใส่หมวกด้วย รุ่นพี่คนนี้ก็บอกว่า เรามาเล่นนี่กันดีกว่า พอพูดเสร็จ เขาก็หยิบเชื่อกลูกเสือที่เหน็บไว้ข้างเอว แล้วก็พูดว่า เรามาเล่นผูกคอตายกันดีกว่า เด็กคนนี้ก็มองรุ่นพี่คนนี้ค่อยๆใช้เชือกโยงกับกิ่งไม้ แล้วก็ค่อยๆผูกคอตัวเอง แล้วก็ค่อยๆดิ้นตายต่อหน้าเด็กคนนี้เลย เด็กคนนี้ก็เกิดความกลัวสุดขีดเลย แต่ทางกลับมันไม่เหมือนเดิมแล้ว และน้องเขาก็หลงอยู่ในป่า จนกระทั่งไม่ไหวแล้วหมดสติเป็นลมอยู่ในป่าไปในที่สุดและเด็กคนนี้ก็รู้สึกตัวอีกทีนึงก็มียายคนนึง ผมเป็นทรงดอกกระทุ่ม แล้วก็คล้องตะกร้าชานหมาก มีหมากพลูมีมีดตัด มีใบพลู ถามว่า ไอหนู เอ็งมานอนตรงนี้ได้ยังไง กลับบ้านป่ะ แล้วเขาก็ยื่นกล้วยให้กินหนึ่งลูก เท่านั้นยังไม่พอ ก็เห็นคุณตา ท่านหนึ่ง เขาถอดเสื้อแล้วนุ่งผ้าขาวม้าแต่ในมือของเขาถือคันไถที่มันหนักมาก ซึ่งถ้าปกติคนจะยกไม่ไหวแน่นอน แล้วคุณยายท่านนี้ก็พาเดินลัดลงเขา แล้วก็มาเจอวัดวัดนี้ แล้วตายาย 2 ท่านนี้ก็บอกกับเด็กคนนี้ว่า ไอหนูเข้าไปอยู่ในโบสถ์นั้นนะ แล้วก็อย่าออกมา แล้วตายายก็หายไป แล้วสาเหตุที่เด็กคนนี้ร้องไห้เพราะความกลัว เพราะว่า เด็กรุ่นพี่คนนั้นใส่ชุดลูกเสือถือไม้พลองเดินรอบวัดเลย เหมือนจะมาเอาไปให้ได้

และด้วยนิสัยของคุณหมีนั้น ก็เลยสืบต่อ อยากรู้ ว่าเรื่องนี้มันเป็นมายังไง และด้วยความที่จังหวัดนี่คุณหมีเป็นคนในพื้นที่อยู่แล้ว  คุณหมีก็ไปสืบจากคุณแม่ของคุณหมีเอง คุณหมีก็ถามแม่ว่า วัดนี้มีประวัติอะไรมั๊ย แม่บอกมี แม่คุณหมีบอกว่า แม่ก็เคยเรียนอยู่วัดนี้ วัดนี้ถูกบริจาคโดย 2 ตายายท่านนี้ ทุกวันนี้ยังมีศาลตายายของ 2 ท่านนี้ คุณหมีก็ถามต่อว่า แล้วสมมุติว่าถ้าเดินขึ้นเขาไปสัก 6-7 กิโล มันจะมีค่ายลูกเสือนะแม่ แม่ก็บอกว่า เออ ใช่ สมัยแม่เรียน มันมีเด็กจมน้ำหายไปคนนึงนะ คุณหมีก็ถามต่ออีกว่า เด็กจมน้ำที่ไหน แม่ก็บอกว่าจมไปที่บึงใหญ่ๆ นี่แหละ คุณหมีก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นบึงที่ไปทำกิจกรรมสันทนาการกัน และก็คิดว่าว่าถ้าเด็กจมน้ำในบึงยังไงก็ต้องหาศพเจอ แต่คุณแม่บอกว่า ทุกวันนี้ก็ยังหาไม่เจอ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2517 แม่คุณหมีก็บอกกับคุณหมีว่า ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องนี้มีจริงหรือเปล่า ลองไปที่หลังเขานะ ขึ้นเขาและลงเขาไปทางด้านหลังนะ ไปตามทางเรื่อยๆ จะเห็นรูปปั้นลูกเสือคนนี้ และคุณหมีก็ขี่มอไซด์เข้าไปดู ไปกับเพื่อนคนนึง แล้วก็ไปเจอจริงๆ เป็นรูปปั้นใส่ชุดลูกเสือเป็นปูนเต็มตัว และด้านหลังมีชื่อผู้ที่สร้าง ผู้ที่รับผิดชอบในเหตุการ์นั้น และพ.ศ. 2517เหมือนกัน  จากที่เริ่มต้นคุณหมีได้บอกว่าเพิ่งได้ไปย้อนรอย ว่าสถานที่ทุกวันนี้เป็นแบบไหนแล้ว ปรากฏว่า ค่ายลูกเสือนี้ปล่อยร้างไปแล้ว แต่รูปปั้นนี้ยังอยู่ ในระหว่างทางที่คุณหมีนั้นเอาโทรศัพท์ยื่นไปถ่ายรูปไม่ว่าจะด้านซ้ายหรือด้านขวา ก็จะเจอแต่ศาลที่เอามาทิ้งข้างทาง เรื่องราวก็มีประมาณนี้ครับสำหรับค่ายลูกเสือภาคแรก


แต่ก็จะมีรายละเอียดอื่นๆอีกเพิ่มเติม ที่คุณหมีคุยกับพี่แจ็ค ผู้จัดรายการจาก The Ghost Radio
ตอนที่อาสาสมัครชาวบ้านมาบอกให้ทางอาจารย์ลองบนบานขอยายดูสิ แล้วอาจารย์ก็ทำ เหมือนกับว่าคุณยายท่านรับรู้ แล้วก็ไปช่วยน้องคนนั้นจากรุ่นพี่ที่ใส่ชุดลูกเสือ ที่เหมือนกับว่าจะให้น้องคนนั้นไปเป็นตัวตายตัวแทน และรุ่นพี่คนนั้นจมน้ำอยู่ในบึงน้ำที่เป็นบึงปิด ไม่สามารถที่จะลอยไปที่ไหนได้ ยังไงก็ต้องหาเจอ แต่ว่า ตั้งแต่ปี 2517 จนถึงวันนี้ก็ยังหาศพไม่เจอ

ตอนที่คุณหมีย้อนรอย แถวนั้นก็มีบ้านถูกสร้างขึ้นแถวนั้นแล้ว คุณหมีก็เลยไปถามว่ารู้เรื่องของลูกเสือที่จมน้ำบ้างมั๊ย คนที่บ้านนั้นก็บอกว่า ทุกวันนี้ยังมีเด็กมาเคาะประตูหน้าบ้านเพื่อมาขอนอนด้วยอยู่เลย ซึ่งไม่ใช่เด็กในหมู่บ้านแน่ๆ และตำนานเล่ากันมาว่า เด็กคนนี้เมื่อกลายเป็นวิญญาณ ก็ยังมีความดื้อ ความซนอยู่ ส่วน 2 ตายายท่านนี้ก็จะเป็นคนคอยกำหราบ เพื่อไม่ให้มาหลอกหลอนชาวบ้านในบริเวณนั้น
คุณหมีก็ถามคุณแม่ต่อว่า แล้วเด็กคนนั้นจมน้ำได้ยังไง แม่ก็บอกว่ามีคนมาชวนไปเล่นน้ำกลางคืนเหมือนกัน

ค่ายลูกเสือ ภาค 2 (จุดเริ่มต้น)

    หลังจากที่คุณหมีโทรมาเล่าในรายการ คุณหมีก็ไปหาข้อมูลโดยการไปสอบถามทั้งคุณแม่ ทั้งคนที่รู้จักค่ายลูกเสือแห่งนี้ นำมาเป็นภาค 2 ไม่ใช่ภาคต่อ แต่ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของค่ายลูกเสือแห่งนี้ ก็คือว่าหลังจากอาทิตย์นั้น คุณหมีก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยที่เริ่มถามคุณแม่ต่อว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มันเป็นยังไง แม่คุณหมีก็บอกว่า จริงๆ แม่ก็ไม่ได้ไปเข้าค่ายที่นี่หรอกนะ และในช่วง พ.ศ.นั้นเพิ่งจะเอาหลักสูตรลูกเสือเป็นวิชาเข้ากระทรวงศึกษาธิการ เมื่อราวๆปี 2516  แต่ก่อนหน้านั้นก็จะมีแค่ลูกเสือชาวบ้านก่อน หลังจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการจึงนำหลักสูตรลูกเสือเข้าไปในโรงเรียน ซึ่งในช่วง พ.ศ.2516 นั้น การเดินทางไปไหนมันจะยากลำบากมาก ในโรงเรียนๆนึงต้องเป็นคนที่มีฐานะจริงๆ ถึงจะได้เล่าเรียน สมัยนั้นก็จะมี ป.1 ถึง ป.7 ป.8  ตอนนั้นแม่ของคุณหมีอยู่ชั้นป.5 แต่ว่าในตอนนั้นเขาจะไม่ให้เด็กที่อายุน้อยกว่าเกณฑ์เข้าค่ายหรือเข้ากิจกรรมลูกเสือ ฉะนั้นก็จะเป็นรุ่นพี่ ป.6 ป.7 ที่ได้ไปทำกิจกรรมครั้งนี้

คุณหมีก็เลยถามต่อว่าในเมื่อแม่ไม่ได้เข้า แล้วใครเข้าหละ แม่พอจะมีเพื่อนรุ่นพี่ในยุคนั้นมั๊ย แม่คุณหมีก็ตอบกลับมา 2 อย่าง ถ้าไม่ย้ายบ้านนี้ ก็ตายไปกันเกือบหมดแล้วเพราะว่าในเหตุการณ์ครั้งนั้น คุณยายของคุณหมีมีอาชีพขายข้าวแกง คนในครึ่งตำบลของที่ที่คุณหมีอยู่ต้องได้กินข้าวแกงฝีมือยายของคุณหมี ฉะนั้นคุณยายเลยได้มีโอกาสได้ไปขายข้าวแกงที่กองลูกเสือ ในช่วงยุคนั้นการเข้าค่ายลูกเสือจะมีเด็กเข้าค่ายไม่ถึง 30 คน แม่คุณหมีก็เลยลองให้ไปดูป้าท่านนึงซึ่งเป็นรุ่นพี่ของแม่คุณหมีซักประมาณ 2 ปีเขายังอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่รู้ว่าเขายังอยู่ที่เดิมมั๊ย คุณหมีก็เลยขี่มอไซด์ไปหา ก็ปรากฏว่าเจอคุณป้าท่านนี้ยังอยู่ที่เดิม ป้าท่านนี้ชื่อว่าป้าสำรวย คุณหมีก็เลยชวนแกคุย จนกระทั่งป้าแกพูดว่า โอเคหมี อยากรู้เรื่องนี้นักใช่มั๊ย เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

ป้าสำรวยก็เริ่มเล่าว่า คนที่เห็นจะๆคาตาเลยก็คือคุณยายของคุณหมี (บางทีผมขอแทนป้าสำรวยว่าป้า หรือยายของคุณหมีว่ายายนะครับ) แต่คุณหมีก็แปลกใจทำไมยายถึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย แต่คุณหมีกลับไปถามยายก็ไม่ได้แล้วเพราะยายได้เสียชีวิตไปแล้วป้าก็เลยเล่าให้ฟังว่า ในช่วงปี พ.ศ.นั้น ก็เริ่มมีกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือเนี่ย เด็กบางคนก็ได้ไป บางคนก็ไม่ได้ไป โดยการเอาเด็กที่ไปค่ายลูกเสือร่วมไปกับลูกเสือชาวบ้าน มาร่วมสันทนาการกัน ซึ่งในพื้นที่ในสมัยนั้นก็ไม่มีพื้นที่มาก ทาง ผอ.โรงเรียนในยุคนั้น ก็เลยเล็งไปที่ภูเขาลูกนี้ ก็เลยพาคนทั้งหมดไปที่ภูเขาลูกนี้ การเข้าค่ายในตอนนั้นก็ไป 2 วัน 1 คืนเท่านั้น โดยมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับป้ามีอยู่แค่ประมาณ 15 คน ยายของคุณหมีก็มีหัวการค้า ก็เลยบอกแม่คุณหมีว่าเราต้องไปขายข้าวแกงที่ค่ายแห่งนี้ แม่และยายก็ได้ทำข้าวแกงไปเป็นหม้อๆแล้วก็ใส่รถเข็นไปขาย ในช่วงวันนั้นก็มีเด็กนักเรียนประมาณ 15 คน ลูกเสือชาวบ้าน 3-4 คน และมีผู้ฝึกสอนรวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียน รวมๆแล้วไม่ถึง 30 คน ส่วนยายก็ไปถึงก็ไปขายข้าวแกงเลย จนถึงช่วงราวๆ 4-5 โมงเย็น เขาก็จะมีการเดินสายไฟเข้ามา เพราะว่าในป่าเขานั้นมืดมาก รวมไปถึงในยุคสมัยก่อนด้วย และในระหว่างเปิดพิธีการ อยู่ๆ ไฟก็ดับทั้งงาน ผอ.ก็คิดว่าไฟตกธรรมดา ก็เลยเอาเครื่องปั่นไฟเข้าไป แต่เครื่องปั่นไฟก็ดับอีก พอไฟติดก็ดับอีก เป็นแบบนี้ประมาณ 7-8 รอบ เขาก็เลยซื้อข้าวแกงจากยายมาเป็นเครื่องเซ่น ที่ศาลเพียงตาที่ตั้งอยู่ในค่ายนั้น พอเซ่น จุดธูปอะไรเสร็จเรียบร้อย แต่ว่าไฟก็ยังดับอยู่ 3-4 รอบ ก็เลยไปถามคนแถวนั้นว่าจะต้องทำยังไง มีชาวบ้านคนนึง ผีป่าผีเขาไม่เหมือนกับผีบ้านผีเรือน ต้องเซ่นด้วยเหล้าหรือว่าของสด ผอ.โรงเรียนก็ขับรถลงไปซื้อเนื้อสด กับเหล้าขึ้นมาอีกแบนนึงขึ้นมาแล้วก็ใส่ถาดและก็ถวาย และผอ.ก็พูดใส่ไมค์ เหมือนกับว่าจะให้ทุกคนเป็นพยานว่าทำแล้วนะ ระหว่างที่พูดไป ผอ.ก็พูดว่า วางไว้ตรงนี้นะครับ ถ้าอยากได้อะไร อยากกินอะไร ถ้าไม่พอ ก็ให้มาเอา ยายของคุณหมีก็เดินไปหา ผอ.ทันทีแล้วพูดว่า พูดแบบนี้ได้ยังไง พูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะการที่พูดว่า อยากกินอะไรอยากได้อะไร แล้วถ้าเกิดเขาอยากได้คนจะทำยังไง โดยที่บทสนทนาที่ยายคุยกับผอ.นั้นเข้าในไมค์ คนที่อยู่ในงานในวันนั้นก็ได้ยินทุกคน ประมาณซัก 6 โมงเย็นถึง 1 ทุ่มเหตุการณ์ก็ปกติ ไฟไม่ดับละ ก็เลยสั่งให้เด็กไปอาบน้ำ ป้าสำรวยเล่าให้ฟังว่า ในสมัยนั้นบริเวณนั้น ไม่มีห้องน้ำ การที่จะไปอาบน้ำได้ ก็คือต้องไปอาบที่บึงนั้น คุณหมีก็นำภาพที่คุณหมีถ่ายไว้เมื่อคราวที่ไปย้อนรอยเมื่อคราวก่อน แล้วถามว่าตรงนี้ใช่มั๊ย ป้าก็บอกว่าใช่ แต่ตะก่อนไม่ได้กว้างขนาดนี้ มันเป็นเพียงแค่บึงเล็กๆประมาณสนามตะกร้อ 2 สนาม ไม่ใหญ่มาก

ระหว่างที่อาบน้ำไป ป้าก็เห็นผู้ชายคนนึงออกมาจากศาลเพียงตา แล้วก็มองเด็กๆ อาบน้ำกัน ป้าก็ไม่ได้สนใจก็คิดว่าเป็นคนที่มาดูแล และก็อาบน้ำต่อไป แต่มีเด็กคนนึงชื่อว่า ขาว  ป้าบอกว่า ไอ้ขาวเนี่ยมองลุงคนนั้นไม่หยุดเลย ทุกคนก็ไม่ได้คิดไม่ได้สนใจอะไรก็กลับเข้ามาทำกิจกรรมกันต่อ ก็จะมีลูกเสือชาวบ้านนำเครื่องดนตรีมาเล่นดนตรีกัน ในระหว่างที่บรรเลงเพลง ทุกคนกำลังสนุกสนาน ให้นึกภาพเหมือนประมาณงานรำวง มีชาวบ้านเข้าไปเต้น มีลูกเสือชาวบ้านเข้าไปเต้น เด็กนักเรียนเข้าไปเต้น ก็ล้อมวงเต้นกัน ซักพักอยู่ดีๆไปก็ดับไปแปปนึงและไฟก็ติดขึ้นมา ป้าสำรวยเห็นลุงท่านนึงถอดเสื้อใส่ผ้าขาวม้า มาจากที่ไหนก็ไม่รู้มาร่วมรำด้วย สนุกสนานๆ แล้วก็หัวเราะไปด้วย คนที่เป็นอาจารย์ก็สงสัยว่าใคร ก่อนที่ไฟดับยังไม่มีเลย แล้วกลิ่นตัวนี่เหม็นสาบมาก ทางผู้อำนวยการก็ไล่ให้ออกจากวง แต่ลุงคนนั้นก็คงจะไม่พอใจ  และเดินหายเข้าไปในภูเขา

หลังจากนั้นในระหว่างที่งานรำวงจะเสร็จแล้ว ยายก็เริ่มจะเก็บข้าวเก็บของ ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ซักพักมีคุณลุงท่านนึง เขาเดินมาหาอาจารย์ผู้ฝึกสอนท่านนึง แล้วพูดว่า นี่ มีเหล้ากินมั๊ย ขอเหล้ากินหน่อย ทางอาจารย์ก็บอกว่า ไม่มี คุณจะมาขออะไรเนี่ย ไม่มีหรอก มีแต่เด็กนักเรียนไม่มีเหล้า ด้วยความที่ว่าอาจารย์ท่านนี้จะปัดรำคาญจากคุณลุง ก็ไปเห็นเหล้าที่ตั้งอยู่ที่ศาล แล้วก็พูดว่า เหล้าที่ถวายหนะ ไปกินสิ ลุงท่านนี้ก็เดินไป แล้วก็พูดว่า ขี้งก ขอแค่นี้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวนะ กูจะเอาชีวิตเด็กทั้งหมดเลย แล้วก็เดินหายไป ยายของคุณหมีก็เก็บของกำลังจะกลับบ้าน ยายก็ไปเห็นเด็กผู้หญิงกลุ่มนึง ในกลุ่มนั้นก็มีป้าสำรวยอยู่ด้วย กำลังโวยวายกัน ยายก็ถามว่ามีอะไรกัน เด็กๆก็บอกว่า มีลุงคนนึงมาแอบดูหนูอยู่ในเต้นท์แล้วเขาก็แอบไปดูทุกเต้นท์เลยค่ะ ยายก็บอกไม่มีอะไรหรอกมั๊ง อาจจะเป็นคนแถวนี้มาดูความเรียบร้อยเพื่อไม่ให้เด็กเป็นอันตรายมากกว่า ลักษณะการเข้าไปดูของลุงท่านนี้ก็คือ เปิดเต้นท์เข้าไปดูทุกเต้นท์ เหตุการณ์ในคืนนั้นก็ผ่านไป

จนมาถึงช่วงเช้า  ยายก็มาขายข้าวแกงปกติ แต่ว่าคราวนี้แม่คุณหมีไม่ได้มา เด็กคนที่ชื่อขาว เดินมาหายายแต่เช้าเลย แล้วถามว่า ป้าผมขอเซนข้าวถุงนึงได้มั๊ยครับ ยายก็ถามว่าหิวหรอ  ขาวก็ตอบว่า ครับ หิวมากครับ ยายก็เลยตักข้าวใส่ถุงและก็ตักพะโล้ใส่ถุงให้กับขาว พอขาวคว้าถุงได้แล้วก็เดินไปเขวี้ยงที่ศาล แล้วก็พูดว่า อ่ะ กินซะ แล้วก็เดินกลับมา ยายก็เลยเอาเรื่องนี้ไปบอกกับป้าสำรวย ว่า หนูดูเพื่อนเองด้วยเนี่ย มาเซนข้าวป้า แล้วก็เอาไปทิ้งที่ศาล แต่ทุกคนก็ปกติไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาแกล้งหรือเปล่า จนกระทั่งช่วงราวๆ ซักบ่าย 2 กำลังจะเลิกกอง ทางอาจารย์ก็ให้เด็กๆไปอาบน้ำ ก่อนที่จะกลับบ้าน ก็ต้องไปอาบที่บึงเหมือนเดิม ซึ่งในยุคนั้นจะไม่มีการแยกหญิงชาย เด็กผู้หญิงก็ใส่ผ้าถุงกระโจมอก เด็กผู้ชายก็ใส่กางเกงอาบน้ำได้ ระหว่างที่อาบๆกันอยู่  เด็กที่ชื่อขาวก็เดินลงไปในบึง แล้วก็ไม่ขึ้นมาอีกเลย เด็กนักเรียนที่อยู่ตรงนั้นเห็นทุกคน แต่ทุกคนก็คิดว่าเขาแค่เดินลงไปอาบน้ำ แต่ในตอนที่อาบน้ำนั้นขาวดูสนุกสนานมาก แต่อยู่ดีๆ ก็นิ่งแล้วก็ทิ้งขันแล้วก็เดินหายเข้าไปในบึง ป้าสำรวยเห็นว่าไม่ขึ้นมาแน่ๆละ ก็เลยไปแจ้งทางครูผู้ฝึกสอน บอกว่าครูขา เด็กนักเรียนคนนี้เดินหายลงไปในบึงทำยังไงดี พออาจารย์รู้เรื่อง ทุกคนก็ช่วยกันงม แต่ก็ไม่เจอ ทำยังไงก็ไม่เจอ จนกระทั้งเย็น ซัก 4-5 โมง ข่าวไปถึงคนในพื้นที่ คนก็มาช่วยกันงมกัน แต่ก็ยังไม่เจอ จนข้ามไปอีกวันนึง เขาก็สั่งให้เด็กนักเรียนทุกคนกลับบ้าน แต่ด้วยความที่ว่าป้าสำรวยรู้จักกับยายของคุณหมี เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ป้าก็ทำเนียนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และก็ช่วยยายขายของ ยายก็เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เห็นว่ามีคนมาช่วยกันหาศพเด็กคนนี้ ก็เลยอยู่ขายข้าวแกงไปเลย คืนแรกก็ยังหาไม่เจอ คืนที่สองก็หาไม่เจอ ในบึงแค่สนามตะกร้อ 2 สนามแต่ไม่รู้ว่าความลึกขนาดไหน ยายก็ขายข้าวแกงไป ป้าสำรวยก็ด้วยความเป็นเด็กก็วิ่งอยู่แถวๆนั้น เวลาเขาทำอะไรกันก็วิ่งไปดู



พิกัด https://www.google.co.th/maps/@12.6450049,101.4128658,3a,75y,51.71h,81.47t/data=!3m6!1e1!3m4!1sptoM79gVz8DMBiPlMUfrgw!2e0!7i13312!8i6656?hl=th


จนข่าวนี้มันดัง จนคนในพื้นที่มากัน และก็ออกความคิดเห็นต่างๆนาๆ ก็ให้ตั้งแถวเป็นแถวเรียงหนึ่งแล้วก็ดำลงไปกวาดก็ไม่เจอ ใช้แหหว่านลงไปก็ไม่เจอ จนกระทั่งผอ.ก็บอกว่า เอาอย่างนี้ละกันยังไงก็ต้องเจอแน่ๆ ใช้เครื่องสูบน้ำออก นานหน่อยแต่ชัวร์ ในตอนนั้นบ้านใครที่มีเครื่องสูบน้ำก็เอามา รวมๆกันได้ 3-4 เครื่องได้ ช่วงนั้นก็ประมาณ 3 โมง น้ำก็เริ่มลดบ้าง แต่ก็ต้องใช้เวลา ไปจนถึง 2 ทุ่มด้วยความที่บึงไม่ใหญ่มาก น้ำก็ค่อยๆลดลงจนเหลือประมาณ เท่าเอว ทุกคนๆก็รอกัน และตอนที่สูบน้ำนั้น ก็มีชาวบ้านคนสองคนก็ลงควานหาไปด้วย แต่ก็ไม่เจอ ยายคุณหมีก็เก็บข้าวเก็บของอะไรของเขาไป ระหว่างที่ยายเก็บของ มีคนๆนึงพูดขึ้นมาว่า เดี๋ยวยังไง ก็ต้องโผล่ แล้วก็โผล่จริงๆ แต่โผล่ในลักษณะที่แบบว่า (ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ) ศพนั้นวิ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำ ตาหลุดข้างนึง เปียกทั้งตัว  ชนข้าวแกงของยายกระจาย แล้วก็วิ่งหัวเราะดีใจใหญ่ หายเข้าไปในป่า ทั้งป้าสำรวย ทั้งยายคุณหมี รวมถึงทุกๆคนเห็นคาตา ตรงนั้นอยู่กันประมาณ 15-16 คน พอทุกคนเริ่มตั้งสติกันได้ก็เริ่มจับกลุ่มกัน ถามกันว่าไอสิ่งที่เห็นว่าใช่หรือไม่ ยายก็บอกว่ายังไงก็ใช่ ส่วนป้าสำรวยก็ตาค้าง และก็มีพี่บางส่วนเดินตามศพนั้นเข้าไปในป่า 3-4 คน แต่ว่าระหว่างทางนั้นก็จะมีคราบเลือด คราบน้ำหนองเป็นรอยๆ ไปตามทางตลอด พี่กลุ่มนี้ก็ตามๆไปเรื่อยๆ จนถึงเช้าแต่ก็ไม่เจอศพ แต่อีกกลุ่มนึงก็บอกว่าเป็นผีหรือเปล่า อีกกลุ่มนึงก็บอกว่าถ้าเป็นผีจะมีรอยคราบน้ำเหลืองได้ยังไง   แล้วคนอื่นๆ ก็ยังพยายามค้นหาในบ่อนั้นต่อแต่ก็ยังหาไม่เจอ จนถึงทุกวันนี้   และก็มีคนเฒ่าคนแก่ก็บอกว่า เป็นไปได้มั๊ย ผีป่าผีเขาสิงที่ศพนี้แล้วก็วิ่งหายเข้าไปในป่า ด้วยกาลเวลาอาจจะโดนสัตว์ป่าแทะไปแล้ว

และในคืนนั้นยายกับป้าสำรวยก็เข็นรถเข็นกลับมาที่บ้าน พอไปถึงบ้าน แม่คุณหมีถามว่า แม่หม้อไปเลอะอะไรมาเนี่ย เหม็นเชียว ก็คือคราบน้ำเหลือง คราบน้ำหนอง กระจายเต็มหม้อไปหมดเลย ก็คือมีหลักฐานการชนจริงๆ พอตอนเช้ายายก็ต้องไปทำบุญและป้าสำรวยก็ยืนยันกับคุณหมีว่าเห็นศพวิ่งขึ้นมาจากน้ำจริงๆ รวมถึงยายด้วยที่เห็นศพวิ่งขึ้นมาจริงๆ ส่วนรูปปั้นที่เป็นลูกเสือนั้นก็เป็นของเด็กชายที่ชื่อว่า ขาว คนนั้นเอง

เรื่องราวของภาคที่ 2 ก็มีทั้งหมดประมาณนี้ครับ แล้วก็ขอโทษด้วยครับที่ต้องให้รอนาน ถ้ามีพิมพ์ผิดบ้างก็ขออภัยด้วยนะครับ

กดถูกใจเพจเพื่อติดตามเรื่องราวหลอนๆกันนะครับ
https://www.facebook.com/ghostsstory/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจอวิญญาณ รีสอร์ท อัมพวา สมุทรสงคราม เรื่องหลอนจากPANTIP!!

เจอวิญญาณ รีสอร์ท อัมพวา สมุทรสงคราม เรื่องหลอนจากPANTIP!! เรื่องเล่านี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเกมและครอบครัวค่ะ หากคำใดมีพิมพ์ผิดหรือตกหล่น ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ เมื่อวันเสาร์ที่5มีนาคม2559 ที่ผ่านมา เกมและครอบครัว มีแพลนคร่าวๆว่าจะไปเที่ยวไหว้พระ ทำบุญ กินกุ้งค่ะ บ้านเกมเป็นคนสระแก้ว และมีธุระที่จะนำของไปฝากเพื่อนแถวๆสมุทรสาคร เลยได้อยู่เล่นที่บ้านเพื่อนจนเวลาเย็นๆ ประมาณ6โมงกว่าค่ะ ด้วยความที่เกรงใจเพื่อน เลยไม่ได้นอนค้างที่นั่น ปกติเวลาเราไปเที่ยวที่ไหนกัน จะศึกษาข้อมูล และจองโรงแรมผ่านเว็บ Agoda ค่ะ เพราะเกมชอบอ่านรีวิวที่พัก ว่าเป็นอย่างไร แต่รอบนี้ ออกไปเที่ยวกันแบบไม่ได้จองโรงแรมไว้เลย  และนี่ เป็นจุดเริ่มต้น ของเรื่องราวที่ครอบครัวของเกมเจอค่ะ แฟนเกม ชื่อ เอก นะคะ การเดินทางครั้งนี้ มีลูกชายไปด้วยอีก 1 คน อายุ2ขวบค่ะ เราออกเดินทางออกจากบ้านเพื่อน ช่วงใกล้ๆค่ำ เลยแวะซื้อนมให้ลูกที่เซเว่นก่อน เพื่อนแนะนำให้ไปพักแถวๆ รีสอร์ตที่ใกล้ป่าชายเลนค่ะ เกมเลยตั้ง gps มุ่งหน้าไปยังรีสอร์ตที่เพื่อนแนะนำ อารมณ์ตอนนั้นคือ อยากตื่นเช้ามาได้เจอบรรยากาศริมน้ำ ตื่นมาทานกุ้งกันค่ะ 

32 ท่าเซ็กส์บนเตียง พร้อมรูป ไว้เพิ่มความมันส์

32 ท่าบนเตียง ท่าร่วมเพศ หรือที่เรียกว่า ท่า Sex นั้นมีอยู่หลายท่ามาก บางท่าก็เป็นท่าที่ฝ่ายชายชอบมากๆ หรือ บางท่าก็เป็นท่าที่ฝ่ายหญิงชอบมากๆเช่นกัน เช่นการเล้าโลม การลูปคลำต่างๆ บางคู่ ใช้เพียงแค่ไม่กี่ท่า ซึ่งในระยะยาวแล้ว อาจจะทำให้คู่รักของท่านเบื่อในการมี sex ก็ได้ ซึ่งในชีวิตคู่ หรือคนที่เป็นแฟนกัน ท่าเซ็กส์ เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเติมความมันส์ในชีวิตคู่ได้ลองไปดูว่า ท่าร่วมเพศ มีอะไรบ้าง One Up / Over Your Shoulder, The Hamstring Stretch ข้อดี เหมาะกับการเล้าโลม Closed for Business ข้อดี เป็นท่าค่อยๆสร้างอารมณ์ หุบขาและค่อยกระตุ้นรอบปุ้มเสี่ยว หรือ clitoris Couch Surfer /  The Lazy Susan ข้อดี เหมาะกับการเพิ่มความเร้าร้อนนอกสถานที่ David Copperfield /  Trick & Treat ข้อดี เล้าโลมผู้หญิงเกิดอารมณ์ได้มาก Face Off /  The Lap Dance  ข้อดี เป็นท่าทีได้อารมณ์มาก และเป็นท่ายอดนิยม Gift Wrapped /  The Horny Mantis ข้อดี เป็นท่าที่ผ่อนคลายเข้าได้ลึกและทำให้รู้สึกดี Heir to the Throne / Lazy Girl ข้อดี เป็นท่าที่เหมาะสมกับการเล้าโลม สร้างอารม

10 อันดับหนัง Rate R ที่ดีที่สุดตลอดกาล และควรค่าแก่การหามารับชมซักครั้ง!!

อ่า… รู้นะว่าคิดอะไรกันอยู่ สำหรับหลายๆ คนที่หวังจะได้เห็นหนังผู้ใหญ่ในการจัดอันดับหนังครั้งนี้ล่ะก็ขอบอกได้เลยว่าคุณอาจจะต้องเสียใจ เพราะว่าหนังเรท R นั้นไม่ได้หมายถึงหนังโป๊ หรือหนังแนวผู้ใหญ่แบบที่หลายๆ คนเข้าใจหรอกนะ แต่หนังเรท R ในที่นี้ก็คือหนังที่มีมีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ มีความรุนแรงอยู่สูง และมีฉากโป๊เปลือยหรือพูดถึงเรื่อง เพศอย่างโจ่งแจ้งต่างหากล่ะ และนี่ก็คือ 10 อันดับหนังเรท R ที่ดีที่สุดตลอดกาลที่ถูกจัดอันดับโดยการโหวตจากชาวเน็ตผ่านเว็บไซต์ Ranker ซึ่งควรค่าแก่การหามาชมซักครั้ง 10. Unfaithful... เรื่องราวของครอบครัวที่มีความสุขและเพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน กลับต้องมาผเชิญกับปัญหาหลังจากที่  Edward Sumner  (รับบทโดย  Richard Gere ) ได้รู้ว่าภรรยาของเขาแอบมีใจให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เธอพบเข้าโดยบังเอิญ 9. The Dreamers... หนึ่งในหนังแนวอิโรติกที่มีฉากที่น่าจดจำและถูกอกถูกใจหลายๆ คน หนังอาร์ที่พูดถึงเรื่องราวของ  Matthew  (รับบทโดย  Michael Pitt ) ที่ได้พบกับฝาแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง (หนึ่งในนั้นคือ  Eva Green  สุดเซ็กซี่) และจากนั้นทั้งสามก็เริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเข